การรวบรวมข้อมูล
หมายถึงการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น และนำมาเก็บอย่างเป็นระบบ ขั้นตอนนี้จะต้องระมัดระวังเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ดี ตรงกับคุณสมบัติของข้อมูลที่ด ี ปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวหน้าจึงเก็บรวบรวมข้อมูลได้สะดวกรวดเร็วและง่ายขึ้นมาก เช่น การเก็บรวมรวมข้อมูลพนักงานบริษัทมีการสแกนลายนิ้วมือ รูปร่างหน้าตา บันทึกไว้ในฐานข้อมูล ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ซ้ำกัน และสามารถนำมาใช้ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
การประมวลผลข้อมูล แบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้
1. การประมวลผลด้วยมือ เหมาะกับข้อมูลไม่มากและไม่ซับซ้อน เป็นวิธีที่ใช้ในอดีต อุปกรณ์ในการคำนวณเช่น
เครื่องคิดเลข ลูกคิด กระดาษ การจัดเก็บโดยการเรียงเข้าแฟ้มข้อมูล
2. การประมวลผลด้วยเครื่องจักร เหมาะกับข้อมูลจำนวนปานกลาง ไม่จำเป็นต้องใช้ผลการคำนวณในทันทีทันใด
เพราะต้องใช้เครื่องจักรและแรงงานคน
3. การประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ เป็นวิธีที่เหมาะกับจำนวนข้อมูลมาก ๆ มีการคำนวณที่ซับซ้อนยุ่งยากเพราะ การคำนวณกับคอมพิวเตอร์จะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำ รวดเร็ว
1. การประมวลผลด้วยมือ เหมาะกับข้อมูลไม่มากและไม่ซับซ้อน เป็นวิธีที่ใช้ในอดีต อุปกรณ์ในการคำนวณเช่น
เครื่องคิดเลข ลูกคิด กระดาษ การจัดเก็บโดยการเรียงเข้าแฟ้มข้อมูล
2. การประมวลผลด้วยเครื่องจักร เหมาะกับข้อมูลจำนวนปานกลาง ไม่จำเป็นต้องใช้ผลการคำนวณในทันทีทันใด
เพราะต้องใช้เครื่องจักรและแรงงานคน
3. การประมวลผลด้วยคอมพิวเตอร์ เป็นวิธีที่เหมาะกับจำนวนข้อมูลมาก ๆ มีการคำนวณที่ซับซ้อนยุ่งยากเพราะ การคำนวณกับคอมพิวเตอร์จะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องแม่นยำ รวดเร็ว
การดูแลรักษาสารสนเทศ
เป็นขั้นตอนที่ต้องการคัดลอกข้อมูล ถึงแม้ว่าจะใช้คอมพิวเตอร์แต่การสำเนาข้อมูลเพื่อการเก็บรักษาถือว่าเป็นสิ่ง สำคัญและจำเป็นมากเนื่องจากข้อมูลที่จัดเก็บอาจจะเสียหายได้โดยที่เราไม่ได้คาดคิด การเก็บรักษาข้อมูลควรจะเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัยหรือเลือกใช้สื่อบันทึกที่มี่คุณภาพไม่เสื่อมอายุง่าย ๆ
เป็นขั้นตอนที่ต้องการคัดลอกข้อมูล ถึงแม้ว่าจะใช้คอมพิวเตอร์แต่การสำเนาข้อมูลเพื่อการเก็บรักษาถือว่าเป็นสิ่ง สำคัญและจำเป็นมากเนื่องจากข้อมูลที่จัดเก็บอาจจะเสียหายได้โดยที่เราไม่ได้คาดคิด การเก็บรักษาข้อมูลควรจะเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัยหรือเลือกใช้สื่อบันทึกที่มี่คุณภาพไม่เสื่อมอายุง่าย ๆ
ชนิดของข้อมูล
1. ข้อมูลตัวเลข (Numeric) ได้แก่ตัวเลขต่าง ๆ ซึ่งนำไปใช้คำนวณได้ เช่น
ตัวเลขจำนวนเต็ม เช่น 9,10,190,9999 เป็นต้น
ทศนิยม เช่น 2.50,100.95, 50.25 เป็นต้น
2. ข้อมูลตัวอักษร (Character) ได้แก่ ตัวอักขระ และตัวอักษรต่าง ๆ ซึ่งไม่สามารถนำไปคำนวณได้ แต่นำไปจัด
เรียงลำดับได้ เช่น TECHNOLOGY , 870/83 (เลขที่บ้าน) , 90110 (รหัสไปรษณี) เป็นต้น
1. ข้อมูลตัวเลข (Numeric) ได้แก่ตัวเลขต่าง ๆ ซึ่งนำไปใช้คำนวณได้ เช่น
ตัวเลขจำนวนเต็ม เช่น 9,10,190,9999 เป็นต้น
ทศนิยม เช่น 2.50,100.95, 50.25 เป็นต้น
2. ข้อมูลตัวอักษร (Character) ได้แก่ ตัวอักขระ และตัวอักษรต่าง ๆ ซึ่งไม่สามารถนำไปคำนวณได้ แต่นำไปจัด
เรียงลำดับได้ เช่น TECHNOLOGY , 870/83 (เลขที่บ้าน) , 90110 (รหัสไปรษณี) เป็นต้น
รหัสแทนข้อมูล
รหัส แอสกี (ASCII) เป็นรหัสที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นรหัสที่มาตรฐาน
ASCII ย่อมาจาก American Standard Code for Information Interchange เป็นรหัส 8 บิด หรือ 1 ไบต์ต่อ
หนึ่งอักขระและแทนสัญลักษณ์ต่าง ๆ ได้ 256 ตัว
รหัสแอสกี กำหนดไว้เป็นเลขฐานสิบ เมื่อไปสู่หน่วยความจำคอมพิวเตอร์จะเปลี่ยนเป็นเลขฐานสอง และผู้ใช้งานสามารถเขียนในรูปของแลขฐาน 16 ได้ด้วย
ตารางแสดงรหัสแอสกีที่ใช้แทนอักขระต่าง ๆ
รหัส แอสกี (ASCII) เป็นรหัสที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นรหัสที่มาตรฐาน
ASCII ย่อมาจาก American Standard Code for Information Interchange เป็นรหัส 8 บิด หรือ 1 ไบต์ต่อ
หนึ่งอักขระและแทนสัญลักษณ์ต่าง ๆ ได้ 256 ตัว
รหัสแอสกี กำหนดไว้เป็นเลขฐานสิบ เมื่อไปสู่หน่วยความจำคอมพิวเตอร์จะเปลี่ยนเป็นเลขฐานสอง และผู้ใช้งานสามารถเขียนในรูปของแลขฐาน 16 ได้ด้วย
ตารางแสดงรหัสแอสกีที่ใช้แทนอักขระต่าง ๆ
ความรู้เล้กน้อย
ตอบลบ